Thai التايلندية ไทย ??

Share this book                 ความแตกต่างระหว่าง มะนีย์ (อสุจิ) กับมะซีย์ (น้ำกาม) คําถาม. อะไรคือความแตกต่างระหว่าง มะนีย์ กับ มะซีย์ ? และหากมีทั้ง2สิ่งเปรอะเปื้อนตามเสื้อผ้าจําเป็นต้องทําอย่างไร?คําตอบ : สําหรับเฉพาะมะนีย์ ( อสุจิ) ที่จะถูกนับว่าเป็นมะนีย์ นั้น มีปัจจัยอยู่ ๓ ประการ1 ถึงจุดสุดยอดด้วยการหลั่งมันออกมา และรู้สึกหมดเรี่ยวแรงหลังจากมันออกมา2 กลิ่นคล้ายกับเกสรต้นอินทผลัม หรือ แป้ง3 การหลั่งน้ําอสุจิ จะออกมาด้วยการพุ่งออกมาหลายครั้ง สําหรับผู้ชายหากปรากฏ 1 ใน 3 อย่างนี้เพียงพอแล้วที่จะยืนยันได้ว่าเป็นอสุจิ โดยไม่จําเป็นต้องปรากฎครบทั้ง 3 อย่างส่วนมะซีย์ คือน้ําขาวเหนียวที่ออกมาขณะที่มีความใคร่ หรือต้องการมีเพศสัมพันธ์ โดยที่การหลั่งมะซีย์ จะไม่พบเมื่ออารมณ์ใคร่หมดไป และจะไม่รู้สึกอ่อนเพลียหลังจากหลั่งออกมา ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง แต่จะเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายและน้ําอสุจินั้น จําเป็นต้องอาบน้ํายกฮะดัษ ไม่ว่าจะหลั่งขณะตื่น ด้วยสาเหตุการมีเพศสัมพันธ์หรืออื่นๆ หรือด้วยสาเหตุการฝันอัลลอฮฺทรงตรัสว่าغمىو َ إِن كُنتُم ۡ جُنُبٗا فَٱطَّ

Share this book                 อุมเราะฮฺ ความประเสริฐและกฏเกณฑ์ต่าง ความคิดถึง…ที่ไม่เคยขาดตอน ความคะนึงหา…ที่ไม่มีวันสิ้นสุด หัวใจของผู้คนต่างถวิลหาไปยังบ้านหลังนั้น และน้ําซัมซัมแก่ผู้กระหายจะได้ดื่มด่ําจากความโปรดปราณของอัลลอฮฺตะอานั้น พระองค์ได้ทรงทําให้สายเชือกแห่งความผูกพันธ์ ระหว่างปวงบ่าวกับบ้านของพระองค์ยังคงเชื่อมต่อกันเสมอفالعمرةالىالعمرةكفارةلمابينهما.والحجالمبرورليسلهجزاءالاالجنة .(( “ดังนั้นอุมเราะห์หนึ่ง ถึงอีกอุมเราะห์หนึ่ง ระหว่างมันนั้นได้รับการอภัยโทษ และฮัจญ์ที่ถูกตอบรับ ไม่มีผลตอบแทนใด นอกจากสวนสวรรค์”))และองค์ประกอบของอุมเราะฮฺนั่นก็คือ การครองเอี๊ยะรอม, การฏอวาฟ ,การสะแอและการโกนหรือตัดผมให้สั้นลงลักษณะวิธีการของการทําอุมเราะฮฺมีดังต่อไปนี้• จะต้องครองเอี๊ยะรอมโดยเริ่มจากมีกอต โดยการเปลื้องเสื้อผ้า ปะพรมน้ําหอม ครองชุดอิหรอม สําหรับผู้ชาย คือ ผ้านุ่ง หนึ่งผืนและผ้าห่มหนึ่งผืน และที่ประเสริฐที่สุดคือให้ทั้งสองผืนนั้นเป็นสีขาว และส่วนผู้หญิงนั้น ให้นางสวม เสื้อผ้าใดก็ได้ที่นางต้องการที่ศาสนาอนุญาต โดยจะต้องไม่เปิดเผยเครื่องประดับ ยกเว้นนิกอบและถุงมือทั้งสองข้าง ที่ห้ามสวมใส่ และให้นางปกปิดใบหน้า จากบรรดาผู้ชายด้วยการดึงผ้าปิดศีรษะ ของนางลงมาปิดใบหน้าของนาง• ต้องตั้งเจตนาที่จะเข้าสู่พิธีกรรม โดยเริ่มจากหลังละหมาดฟัรดู ถ้าหากอยู่ในช่วงเวลาละหมาด หรือไม่ก็หลังละหมาดสุนนะฮฺ หลังอาบน้ําละหมาดและสําหรับผู้ครองเอี๊ยะรอมนั้น ต้องออกห่างจากข้อต้องห้ามของการครองเอี๊ยะรอม เช่นการมี

Share this book                 รุกุ่นการถือศีลอด

Share this book                 นี่คือฮิญาบ การปกป้องสตรีจากภัยอันตรายและเพื่อความปลอดภัยจากฟิตนะฮฺอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นการปกปักรักษาสังคม ไม่ให้ตกลงไปอยู่ใน ความวิบัติแห่งความเลวทรามและราคะตัณหา.ฮิญาบ นั้น อัลลอฮฺได้ทรงบัญญัติมันแก่สตรีมุสลิมะฮฺ และได้ทรงสั่งให้พวกนางยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ต่อหน้า ผู้ชายทุกคนที่แต่งงานกับนางได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นญาติใกล้ชิดที่ไม่ใช่มะฮฺรอมก็ตาม และฮิญาบของสตรี คือสิ่งที่ปกปิดทุกส่วนของร่างกาย โดยต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขต่างๆดังนี้.❖ เนื้อผ้าจะต้องหนาโดยไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้มัน❖ เสื้อผ้าจะต้องหลวมไม่รัดรูป จนเห็นทรวดทรง❖ ผ้าคลุมฮิญาบต้องไม่มีการประดับประดาในตัวของมัน❖ จะต้องไม่ใส่เครื่องหอม หรือน้ําหอม❖ จะต้องไม่คล้ายกับเครื่องแต่งการของผู้ชาย❖ จะต้องไม่คล้ายกับเครื่องแต่งกายของบรรดาผู้หญิงที่ปฏิเสธศรัทธาเสื้อผ้านั้นต้องไม่เป็นเสื้อผ้าชุฮฺเราะห์ หมายถึง สวมใส่เพื่อการโอ้อวด เสื้อผ้าที่ราคาแพงเกินความจําเป็น และฟุ่มเฟือย.และสิ่งที่นอกเหนือจากนี้ ก็จะเข้าไปอยู่ในการอวดโฉมที่อัลลอฮฺ ตะอาลาทรงห้ามไว้“และฮิญาบของสตรี คือสิ่งที่ปกปิดทุกส่วนของร่างกาย”

Share this book                 สิ่งที่ทำให้เสียน้ำละหมาด โดยพื้นฐานเดิมของผู้ที่อาบน้ําละหมาดนั้น แท้จริงการอาบน้ําละหมาดของเขาจะไม่เสียหายเนื่องจากความสงสัย แต่ทว่าจําเป็นที่เขาจะต้องมั่นใจว่ามีหะดัษเกิดขึ้นก่อน ดังนั้นถ้าหากเขามั่นใจว่าเกิดหะดัษขึ้น ให้ก็เขายุติการละหมาดและทําการอาบน้ําละหมาดใหม่❖ และสิ่งที่ทําให้เสียน้ําละหมาดนั้นมีดังต่อไปนี้❖ มีสิ่งใดออกมาจากทวารทั้งสองไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะหรืออุจจาระหรือการผายลมหรืออื่นๆ❖ มีการออกมาของปัสสาวะและอุจจาระจากทางอื่นที่ไม่ใช่ทางออกของมัน❖ การสูญเสียสติปัญญาไม่ว่าจะสูญเสียทั้งหมด อย่างเช่น การเป็นบ้าหรือการถูกครอบงํา ทําให้มันสูญหายไปในช่วงระยะเวลาที่เจาะจงเช่นการนอนหลับ การเป็นลมหมดสติ การมึนเมา และอื่นๆและการนอนที่ทําให้เสียน้ําละหมาดนั้น คือหากเขานั้นหลับสนิทจนกระทั่งไม่มีความรู้สึกรับรู้ใดๆ ดังนั้นใครก็ตามที่นอนหลับสนิทในมัสยิด หรือในสถานที่อื่นๆจําเป็นที่เขาจะต้องอาบน้ําละหมาดใหม่ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพที่ยืนหรือนั่งหรือนอนตะแคงก็ตาม ส่วนผู้ที่หลับไม่สนิท อย่างเช่นการรู้สึกง่วงนอนซึ่งไม่ได้ทําให้ความรู้สึกรับรู้หายไปนั้น อย่างนี้ไม่จําเป็นจะต้องอาบน้ําละหมาดใหม่แต่อย่างใดเนื่องจากมีรายงานในเรื่องดังกล่าวจากหะดีษที่ถูกต้อง มาจากท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่บ่งชี้ถึงรายละเอียดที่ได้กล่าวไป